..หากรู้แจ้ง ก็หลุดพ้น โอ โอ๋ อนิจจา...(ซ้ำ)...สังขารามันบ่เที่ยง...(ซ้ำ)...ยังวนเวียน ในวัฏฏะ...(ซ้ำ) การเวียนว่าย ตายเกิด...........(ซ้ำ)........รู้ไม่จริง รู้ไม่แน่......................(ซ้ำ) “ก็ต้องเกิด”..........................(๓).........“เกิดมาแล้วต้องใช้กรรม”........(๓) ในภพนี้ รู้จริง รู้แน่.................(ซ้ำ)........รู้ประเสริฐ แห่งสังขาร.............(ซ้ำ) มีอะไร ในสังขาร....................(ซ้ำ).......ในสังขาร มันมีทุกข์................(ซ้ำ) ในสังขาร มันบ่เที่ยง...............(ซ้ำ).......รู้แจ้งแล้ว จะหลุดพ้น...............(ซ้ำ) แห่งความทุกข์ การเวียนว่าย...(ซ้ำ).......ในวัฏฏะ ความสงสาร..............(ซ้ำ) เกิดแก่ และเจ็บตาย................(ซ้ำ)........มาใช้กรรมในชาตินี้...............(ซ้ำ) หมอก็ช่วย หายไม่ได้..............(ซ้ำ)........“ในชาตินี้”............................(๓) เคยทุกข์ เคยโศกา..................(ซ้ำ).......เคยเจ็บปวด แสนทรมาน..........(ซ้ำ) เพราะความหลง ในสังขาร........(ซ้ำ).......จึงทุกข์ทน และหม่นหมอง.......(ซ้ำ) มีร่างกาย ก็มีโรค....................(ซ้ำ).......เคยเจ็บป่วย มาหลายชาติ........(ซ้ำ) มีอะไร ก็บ่เที่ยง... (ซ้ำ)...เมื่อมีแล้ว ต้องจากไป, เมื่อมีแล้ว ต้องพรากไป....(๑) เคยร้องไห้มาหลายชาติ............(๑).........เคยร้องไห้ หลายกัปกัลป์..........(๑) .............................จนน้ำตา นองท่วมท้น...(ซ้ำ) น้ำทะเล ยังน้อยกว่า................(ซ้ำ).........ส่วนน้ำตา เรามากล้น..............(ซ้ำ) ทุกข์เท่านี้ ก็พอแล้ว.................(ซ้ำ)........ควรที่จะ ละยึดถือ....................(ซ้ำ) ความโลภ และโกรธหลง...........(ซ้ำ)........ให้เวียนวน ในวัฏฏะ.................(ซ้ำ) ในวัฏฏะ แห่งสงสาร.................(ซ้ำ).........ทุกข์มานาน นั้นจริงเอย...........(ซ้ำ) อาศัยธรรม พระสัมพุทธ...........(ซ้ำ).........พาให้หลุด พาให้พ้น................(ซ้ำ) มาถือศีล มาถือธรรม................(ซ้ำ).........นำดวงใจ สู่นิพพาน.................(ซ้ำ) ...พุทธบารมี พุทธาทิจโจ มะหาเตโช ธัมมะจันโท ระสาหะโร สังฆะตาระคะโณ เสฏโฐ อัมเห รักขันตุ ปายะโต ฯ นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ พุทโธ วิยะ พุทธะรูปัมปิ มะหาเตชัง มะหานุภาวัง ภะวะตุ ยาวะ สาสะนัง ฯ นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา ทานะปาระมีสัมปันโน ทานะอุปะปาระมีสัมปันโน ทานะปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา สีละปาระมีสัมปันโน สีละอุปะปาระมีสัมปันโน สีละปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา เนกขัมมะปาระมีสัมปันโน เนกขัมมะอุปะปาระมีสัมปันโน เนกขัมมะปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา ปัญญาปาระมีสัมปันโน ปัญญาอุปะปาระมีสัมปันโน ปัญญาปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา วิริยะปาระมีสัมปันโน วิริยะอุปะปาระมีสัมปันโน วิริยะปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา ขันติปาระมีสัมปันโน ขันติอุปะปาระมีสัมปันโน ขันติปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา สัจจะปาระมีสัมปันโน สัจจะอุปะปาระมีสัมปันโน สัจจะปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา อธิษฐานะปาระมีสัมปันโน อธิษฐานะอุปะปาระมีสัมปันโน อธิษฐานะปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา เมตตาปาระมีสัมปันโน เมตตาอุปะปาระมีสัมปันโน เมตตาปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา อุเปกขาปาระมีสัมปันโน อุเปกขาอุปะปาระมีสัมปันโน อุเปกขาปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา ทะสะปาระมีสัมปันโน ทะสะอุปะปาระมีสัมปันโน ทะสะปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน นิสสังสะยัง โส โข โน ภะคะวา สะมะติงสะปาระมีสัมปันโน สะมะติงสะอุปะปาระมีสัมปันโน สะมะติงสะปะระมัตถะปาระมีสัมปันโน ฯ (หมายเหตุ) บทสวดพุทธบารมีนี้ เป็นบทสวดสรรเสริญพระบารมีของพระพุทธเจ้า อภิณ๎หปัจจเวกขณปาฐะ (หันทะ มะยัง อะภิณ๎หะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส) ชะราธัมโมม๎หิ ชะรัง อะนะตีโต (หญิงสวด ตีตา), เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้, พ๎ยาธิธัมโมม๎หิ พ๎ยาธิง อะนะตีโต (หญิงสวด ตีตา), เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้, มะระณะธัมโมม๎หิ มะระณัง อะนะตีโต (หญิงสวด ตีตา), เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้, สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, เราจะละเว้นเป็นต่างๆ, คือว่าเราจะต้องพลัดพราก จากของรักของเจริญใจทั้งหลายทั้งปวง, กัมมัสสะโกม๎หิ กัมมะทายาโท กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระโณ, เรามีกรรมเป็นของๆ ตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล, มีกรรมเป็นแดนเกิด, มีกรรมเป็นผู้ติดตาม, มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย, ยัง กัมมัง กะริสสามิ กัล๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา, ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ, เราทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาป เราจะเป็นทายาท, คือว่าจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป, อิตถิยา วา,........หญิงก็ดี,.............. ปุริเสนะ วา,..........ชายก็ดี, คะหัฏเฐนะ วา,...คฤหัสถ์ก็ดี,........... ปัพพะชิเตนะ วา,..บรรพชิตก็ดี, เอวัง อัมเหหิ อะภิณ๎หัง ปัจจะเวกขิตัพพัง, เราทั้งหลายควรพิจารณาอย่างนี้เนืองๆ ทุกวันคืน, อะนิจจา วะตะ สังขารา,.....สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ, อุปปาทะวะยะธัมมิโน,.......เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา, อุปปัชชิต๎วา นิรุชฌันติ,.....ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป, เตสัง วูปะสะโม สุโข,.........ความเข้าไปดับซึ่งสังขารทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสุข, สัพเพ สัตตา,.....สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง,..มะรันติ จะ,.......ย่อมตายด้วย, มะริงสุ จะ,.........ตายแล้วด้วย,.......... มะริสสะเร,........จักตายด้วย, ตะเวถาหัง มะริสสามิ,.........เราจักตายอย่างนั้นด้วย, นัตถิ เม เอตถะ สังสะโย,.....ความสงสัยในเรื่องตายนั้นไม่มีแก่เราเลย. .ปัฏฐนฐปนคาถา ......................(อธิษฐานให้ตนเอง) (หันทะ มะยัง ปัฏฐะนะฐะปะนะคาถาโย ภะณามะ เส) ยันทานิ เม กะตัง ปุญญัง........เตนาเนนุททิเสนะ จะ, ขิปปัง สัจฉิกะเรยยาหัง...........ธัมเม โลกุตตะเร นะวะ, บุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้, เพราะบุญนั้นและการอุทิศแผ่ส่วนบุญนั้น, ขอให้ข้าพเจ้าทำให้แจ้งโลกุตตรธรรม ๙ ในทันที, สะเจ ตาวะ อะภัพโพหัง...........สังสาเร ปะนะ สังสะรัง, ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้อาภัพอยู่ ยังต้องท่องเที่ยวไปในวัฏฏสงสาร, นิยะโต โพธิสัตโตวะ................สัมพุทเธนะ วิยากะโต, นาฏฐาระสะปิ อาภัพพะ-..........ฐานานิ ปาปุเณยยะหัง, ขอให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้, ได้รับพยากรณ์แต่พระพุทธเจ้าแล้ว, ไม่ถึงฐานะแห่งความอาภัพ ๑๘ อย่าง, ปัญจะเวรานิ วัชเชยยัง.............ระเมยยัง สีละรักขะเน, ปัญจะกาเม อะลัคโคหัง............วัชเชยยัง กามะปังกะโต, ข้าพเจ้าพึงเว้นจากเวรทั้ง ๕, พึงยินดีในการรักษาศีล, ไม่เกาะเกี่ยวในกามคุณทั้ง ๕, พึงเว้นจากเปลือกตมกล่าวคือกาม, ทุททิฏฐิยา นะ ยุชเชยยัง..........สังยุชเชยยัง สุทิฏฐิยา, ปาเป มิตเต นะ เสเวยยัง............เสเวยยัง ปัณฑิเต สะทา, ขอให้ข้าพเจ้าไม่พึงประกอบด้วยทิฏฐิชั่ว, พึงประกอบด้วยทิฏฐิที่ดีงาม, ไม่พึงคบมิตรชั่ว, พึงคบแต่บัณฑิตทุกเมื่อ, สัทธาสะติหิโรตตัปปา-...............ตาปักขันติคุณากะโร, อัปปะสัยโห วะ สัตตูหิ.................เหยยัง อะมันทะมุยหะโก, ขอให้ข้าพเจ้าเป็นบ่อที่เกิดแห่งคุณ, คือ ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ ความเพียรและขันติ, พึงเป็นผู้ที่ศัตรูครอบงำไม่ได้, ไม่เป็นคนเขลาคนหลงงมงาย, สัพพายาปายุปาเยสุ...................เฉโก ธัมมัตถะโกวิโท, เญยเย วัตตัตวะสัชชัง เม............ญาณัง อะเฆวะ มาลุโต, ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ฉลาดในอุบายแห่งความเสื่อมและความเจริญ, เป็นผู้เฉียบแหลมในอรรถและธรรม, ขอให้ญาณของข้าพเจ้าเป็นไป ไม่ข้องขัดในธรรมที่ควรรู้, ดุจลมพัดไปในอากาศ ฉะนั้น, ยา กาจิ กุสะลา มะยา สา.............สุเขนะ สิชฌะตัง สะทา, เอวัง วุตตา คุณา สัพเพ...............โหนตุ มัยหัง ภะเว ภะเว, ความปรารถนาใดๆ ของข้าพเจ้าที่เป็นกุศล, ขอให้สำเร็จโดยง่ายทุกเมื่อ, คุณธรรมที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วทั้งปวงนี้, จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกๆ ภพ, ยะทา อุปปัชชะติ โลเก.................สัมพุทโธ โมกขะเทสะโก, ตะทา มุตโต กุกัมเมหิ...................ลัทโธกาโส ภะเวยยะหัง, เมื่อใด, พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้แสดงธรรมเครื่องพ้นทุกข์ เกิดขึ้นแล้วในโลก, เมื่อนั้น, ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากกรรมอันชั่วช้าทั้งหลาย, เป็นผู้ได้โอกาสแห่งการบรรลุธรรม, มะนุสสัตตัญจะ ลิงคัญจะ...............ปัพพัชชัญจุปะสัมปะทัง, ละภิต๎วา เปสะโล สีลี......................ธาเรยยัง สัตถุสาสะนัง, ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ความเป็นมนุษย์, ได้เพศบริสุทธิ์, ได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว, เป็นคนรักศีล, มีศีล, ทรงไว้ซึ่งพระศาสนาของพระศาสดา, สุขาปะฏิปะโท ขิปปา-...................ภิญโญ สัจฉิกะเรยยะหัง, อะระหัตตัปผะลัง อัคคัง.................วิชชาทิคุณะลังกะตัง, ขอให้เป็นผู้มีการปฏิบัติโดยสะดวก, ตรัสรู้ได้พลัน, กระทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผลอันเลิศ, อันประดับด้วยธรรมมีวิชชาเป็นต้น, ยะทิ นุปปัชชะติ พุทโธ..................กัมมัง ปะริปูรัญจะ เม, เอวัง สันเต ละเภยยาหัง.................ปัจเจกะโพธิมุตตะมัน ติ, ถ้าหากพระพุทธเจ้าไม่บังเกิดขึ้น, แต่กุศลธรรมของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยมแล้ว, เมื่อเป็นเช่นนั้น, ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ญาณเป็นเครื่องรู้เฉพาะตนอันสูงสุดเทอญ. สัพพปัตติทานคาถา .. (หันทะ มะยัง สัพพะปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เส) ปุญญัสสิทานิ กะตัสสะ...............ยานัญญานิ กะตานิ เม, เตสัญจะ ภาคิโน โหนตุ..............สัตตานันตาปปะมาณะกา, สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ, จงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำในบัดนี้, และแห่งบุญอื่นที่ได้ทำไว้ก่อนแล้ว, เย ปิยา คุณะวันตา จะ................มัยหัง มาตาปิตาทะโย, ทิฏฐา เม จาปยะทิฏฐา วา...........อัญเญ มัชฌัตตะเวริโน, คือจะเป็นสัตว์เหล่าใด, ซึ่งเป็นที่รักใคร่และมีบุญคุณ เช่นมารดาบิดาของข้าพเจ้าเป็นต้นก็ดี, ที่ข้าพเจ้าเห็นแล้วหรือไม่ได้เห็นก็ดี, สัตว์เหล่าอื่นที่เป็นกลางๆ หรือเป็นคู่เวรกันก็ดี, สัตตา ติฏฐันติ โลกัส๎มิง..............เต ภุมมา จะตุโยนิกา, ปัญเจกะจะตุโวการา..................สังสะรันตา ภะวาภะเว, สัตว์ทั้งหลาย ตั้งอยู่ในโลก, อยู่ในภูมิทั้ง ๓, อยู่ในกำเนิดทั้ง ๔, มีขันธ์ ๕ ขันธ์ มีขันธ์ขันธ์เดียว มีขันธ์ ๔ ขันธ์, กำลังท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ก็ดี, ญาตัง เย ปัตติทานัมเม..............อะนุโมทันตุ เต สะยัง, เย จิมัง นัปปะชานันติ................เทวา เตสัง นิเวทะยุง, สัตว์เหล่าใดรู้ส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว, สัตว์เหล่านั้นจงอนุโมทนาเองเถิด, ส่วนสัตว์เหล่าใดยังไม่รู้ส่วนบุญนี้, ขอเทวดาทั้งหลายจงบอกสัตว์เหล่านั้นให้รู้, มะยา ทินนานะ ปุญญานัง..........อะนุโมทะนะเหตุนา, สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ...........อะเวรา สุขะชีวิโน, เขมัปปะทัญจะ ปัปโปนตุ............เตสาสา สิชฌะตัง สุภา, เพราะเหตุที่ได้อนุโมทนาส่วนบุญที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว, สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง, จงเป็นผู้ไม่มีเวร อยู่เป็นสุขทุกเมื่อ, จงถึงบทอันเกษม กล่าวคือพระนิพพาน, ความปรารถนาที่ดีงามของสัตว์เหล่านั้นจงสำเร็จเถิด. อุททิสสนาธิฏฐานคาถา ........อุทิศบุญให้บุคคลทั่วไปและอธิษฐานให้ตนเอง (หันทะ มะยัง อุททิสสะนาธิฏฐานะคาถาโย ภะณามะ เส) อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อุปัชฌายา คุณุตตะรา, ด้วยบุญนี้ขออุทิศให้พระอุปัชฌาย์ผู้เลิศด้วยพระคุณ อาจะริยูปะการา จะ มาตา ปิตา จะ ญาตะกา, และอาจารย์ผู้มีอุปการะ รวมทั้งบิดามารดา และเครือญาติของข้าพเจ้า สุริโย จันทิมา ราชา คุณะวันตา นะราปิ จะ, พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระราชา และผู้ทรงคุณความดี หรือผู้เกิดในตระกูลสูง พ๎รัห๎มะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา ทั้งพรหม มาร ทั้งพระอินทราธิราช ทั้งทวยเทพ และท้าวโลกบาลทั้งสี่ ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ, พญายมราช ทั้งมนุษย์ผู้เป็นมิตร ผู้เป็นกลาง และผู้จองเวร สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม, ขอให้บุญทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำ จงอำนวยผลที่ดี ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุขทุกทั่วหน้า สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ขิปปัง ปาเปถะ โวมะตัง, ให้มีความสุขทั้ง ๓ ประการ จนกว่าบรรลุถึงพระนิพพานโดยเร็วพลัน อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อิมินา อุททิสเสนะ จะ, ด้วยบุญที่เราทำแล้วอุทิศให้ไปนี้ ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ตัณหุปาทานะเฉทะนัง, ขอให้เราตัดตัณหาอุปาทานได้โดยเร็วพลัน เย สันตาเน หินา ธัมมา ยาวะ นิพพานะโต มะมัง, สิ่งชั่วในสันดานจงมลายสิ้นไปจนกว่าเราจะถึงนิพพาน นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว, ทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติที่เราเกิดมา อุชุจิตตัง สะติปัญญา สัลเลโข วิริยัมหินา, ให้มีจิตซื่อตรง มีสติปัญญาอันประเสริฐ ให้มีความเพียรเลิศ ขูดขัดเกลากิเลสให้หาย มารา ละภันตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิริเยสุ เม, อย่ามีช่องทางให้หมู่มารทั้งหลาย มาทำลายความพากเพียรของเราเลย พุทธาทิปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม, พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นที่พึ่งอันประเสริฐ พระธรรมคำสั่งสอนเป็นที่พึ่งอันอุดม นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง, พระปัจเจกพุทธเจ้า รวมทั้งพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันเลิศ เตโสตตะมานุภาเวนะ ทะสะปุญญานุภาเวนะ มาโรกาสัง ละภันตุ มา, ด้วยอานุภาพพระรัตนตรัยนี้ และด้วยอานุภาพบุญทั้ง ๑๐ ประการ อย่าเปิดโอกาส อย่าเปิดช่องทาง ให้หมู่มารมาเบียดเบียนเราเลย. . |
0 comments :
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น