1. อุโบสถ
การก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ โดยทำการปรับพื้นที่ กะวางผัง ตอกเสาเข็มไม้ ในการเตรียมพื้นที่เพื่อก่อสร้าง เพราะสภาพดินเป็นร่องสวน
ต้องใช้จอบฟันเกลี่ยดินให้เสมอกัน แม้การเทปูนทับหัวเข็มอุโบสถ ก็ได้อาศัยแรงงานจากชาวบ้าน และพระภิกษุ – สามเณรในวัดมา
ช่วยเหลือกัน การประกอบพิธี วางศิลาฤกษ์อุโบสถ ขึ้น เมื่อวันเสาร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยได้กราบทูลเชิญ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี ป.ธ.๙) แห่ง วัดมกุฎกษัตริยาราม มาทรงเป็นประธานในการประกอบพิธี และในอีก ๒๒ ปี ต่อมา
ทางวัดซึ่งมีท่าน พระครูวินัยสารสุภัทร (จำปี ฐิตธมฺโม ป.ธ. ๕ ) เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น ได้กราบทูลเชิญ
สมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฒฺฑโน ป.ธ.๙) แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร มาทรงเป็นองค์ประธานในการประกอบพิธี
ยกช่อฟ้า อุโบสถหลังนี้ เมื่อ วันอังคารที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓
2. พระประธานในอุโบสถ
พระพุทธชินราชจำลอง ของวัดพุทธบูชานี้ มีขนาดเท่าองค์จริง มีหน้าตักกว้าง ๕ ศอก ๑ คืบ ๕ นิ้ว (๒.๘๗๕ เมตร) สูง ๗ ศอก
หล่อด้วย ทองสัมฤทธิ์ (เป็นโลหะผสมระหว่างทองเหลืองและดีบุก) น้ำหนัก ๓ ตัน (๓,๐๐๐ กิโลกรัม) มีพุทธลักษณะที่งดงาม มีองค์ประกอบที่สำคัญ
คือ เรือนแก้ว (ลวดลายคล้ายตัวพญานาค ดุจรัศมีล้อมรอบองค์พระ) ยักษ์ (มีลักษณะกึ่งนั่งกึ่งยืนมือขวาถือกระบองอยู่ปลายเรือนแก้วทางด้านซ้าย)
มาร (ลักษณะอยู่ในท่ากำลังเหาะมือทั้งสองข้างจับบ่วงบาศบนศรีษะ อยู่ปลายเรือนแก้วตรงด้านขวา) ฝาผนังด้านหลังขององค์พระ ลงรัก
เขียนลวดลายปิดทองเป็นรูปใบไม้และดอกไม้ มีปูนปั้นนูนรูปเทพบูชา (หมู่เทวดา นางอัปสร โปรยดอกไม้เพื่อเป็นพุทธบูชา) พร้อมสมบูรณ์
เหมือนองค์จริงทุกประการ ประดิษฐานในอุโบสถหลังใหม่ ราคาในการก่อสร้างองค์พระ๒๘๑,๐๐๐ บาท
3. พระมหาเจดีย์
สร้างขึ้นโดยความดำริ ของ พระราชภาวนาพินิจ (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย) เจ้าอาวาส รูปที่ ๕ การซื้อที่ดินเพื่อสร้างพระมหาเจดีย์ เจ้าอาวาสท่าน ซื้อที่ดินจากเจ้าของที่จำนวน ๒ แปลง ๒ ครั้ง
แปลงละ ๙๐ ตารางวา ตารางวาละ ๕๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาทถ้วน กึ่งทำบุญกึ่งถวาย งบประมาณในการสร้างมีสาธุชน และผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลมาทำบุญร่วมสร้างพระมหาเจดีย์
พระมหาเจดีย์วัดพุทธบูชา ทำการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ ๒๔พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยท่านเจ้าคุณพระพรหมเมธี (สมชาย วรชาโย ป.ธ.๘) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์เป็นองค์ประธาน
วางศิลาฤกษ์ ใช้งบในการสร้างประมาณ ๔๐ ล้านบาท ปัจจุบัน (๒๕๕๓) ได้แล้วเสร็จไปประมาณ ๘๐ % โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ
๑ ใช้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายปาง และภาพวาดที่เป็นเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาที่แฝงด้วยคติธรรม
๒ เป็นที่สักการะ เคารพนับถือ บูชา ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
๓ เป็นที่สอนธรรมและปฏิบัติธรรมของหน่วยงานต่างๆ
๔ เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาในวันธรรมสวนะ (วันพระ) ที่สำคัญ
4. รูปหล่อหลวงพ่อเพิ่ม กตปุญฺโญ
พระพุทธวิริยากร อาพาธได้ประมาณปีเศษ ท่านได้ให้ลูกศิษย์คือ คุณดำรงค์ งามเจริญ ถ่ายรูปของท่านไว้ทุกด้าน คือ หน้า-หลัง ซ้าย-ขวา และเฉียง
ทั้งให้วัดขนาดสัดส่วนของร่างกายของท่าน แล้วจึงจ้างให้นายช่างคือ จ.ส.อ. ดร.ทวี บูรณเขตต์ ผู้ที่เคยหล่อรูป พระพุทธชินราชจำลอง
ซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถ ดำเนินการก่อสร้างรูปหล่อของตัวท่านไว้ ๓ รูป ยืน ๑ รูป นั่ง ๒ รูป และทราบว่าท่านได้สั่งไว้ว่า
“รูปยืน ให้ไว้ที่ผนังด้านหลังอุโบสถ ส่วนรูปนั่ง ไว้ในอุโบสถรูปหนึ่ง อีกรูปหนึ่ง ให้ไว้ที่ โรงเรียนวัดพุทธบูชา” รูปหล่อทั้ง ๓ นี้
ได้มาสำเร็จในสมัยเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ จึงจัดงานสมโภชฉลอง แล้วจึงประดิษฐานไว้ เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๖
5.รอยพระพุทธบาทจำลอง
ท่านเจ้าคุณพระพุทธวิริยากร ได้ดำริจัดสร้าง รอยพระพุทธบาทจำลอง ขึ้น โดยมีท่านผู้ใหญ่ทองคำ นางสัมฤทธิ์ วงษ์รุ่งเรือง เป็นต้นศรัทธาในการจัดสร้าง
และดำเนินการสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ในการสร้างได้ใช้หินที่มีลักษณะพิเศษชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการตกผลึกตามธรรมชาตินานปี จนมีลักษณะรูปร่างงดงามแปลกตา
ถึงกับบางท่านกล่าวว่าเป็นหินพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งท่านเจ้าคุณพระพุทธวิริยากร ได้เดินทางไปค้นหาด้วยตนเองที่ เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เมื่อได้หินมาแล้ว ได้ว่าจ้างให้ นายช่างขจร เหมือนสุวรรณ เป็นผู้แกะสลัก นับเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของท่านเจ้าอาวาส รูปที่ ๑ หลวงพ่อเพิ่ม กตปุญฺโญ
6.ซุ้มประตูหน้าวัด
สร้างขึ้นโดยความดำริของท่านเจ้าอาวาสรูปแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ มีลักษณะเป็นยักษ์ ๒ ตนคือ อินทรชิตกับรามสูร ยืนแบกป้ายชื่อวัดไว้ตนละข้าง
มีผู้บริจาคทรัพย์ในการก่อสร้าง คือ นายตอง - นางบุนนาค ปั่นแก้ว บริจาคทรัพย์ในการสร้างด้านขวา (ทิศใต้) และนายทองหล่อ นางชูศรี ตันเปาว์
บริจาคทรัพย์ในการสร้างด้านซ้าย (ทิศเหนือ) ราคาค่าก่อสร้างด้านละ ๓๑๕,๐๐๐ บาท และ ได้อาศัยแรงงานของพระภิกษุสามเณรในวัด
ซึ่งพระครูศีลคุณากร (ดวงจันทร์) ท่านอดีตเจ้าอาวาส วัดเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย เล่าว่าท่านเจ้าอาวาส พระพุทธวิริยากร เมื่อครั้งที่ขึ้นไปเยี่ยมท่าน
ที่วัดเม็งรายมหาราช ได้เล่าให้ท่านพระครูฟังว่าสาเหตุที่สร้างป้ายวัดเป็นรูปยักษ์ ๒ ตน ยืนแบกป้ายชื่อวัดนั้น ก็เพื่อเป็น ปริศนาธรรม
ซึ่งเปรียบเหมือน คนเราต้องแบกภาระคือขันธ์ ๕ ไว้ตลอดเวลา ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา “ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นภาระยิ่งแล”
0 comments :
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น